ตอนที่ Grammy RS ประกาศโปรเจกต์ collab ร่วมกันเพื่อเอาใจคนที่โตมากับยุคสองค่ายแข่งขัน ผมก็ตั้งธงมาก่อนเลยว่าไปคอนฯ ไหนก็ได้ที่มีนิว-จิ๋ว ด้วยเพราะไม่ได้ไปดูสองดูโอ้นี่ร้องสดนานมากแล้ว และคอนฯ ก็น่าจะจัดที่อิมแพ็คอารีน่าด้วย ก็เป็นสเกลใหญ่สะใจดี
คอนเสิร์ตแรกๆ ที่ประกาศออกมา ไลน์อัพก็เป็นแนวเพลงป๊อป 90s เพลงแดนซ์ 90s จนมาที่คอนเสิร์ตลำดับที่ 3 และเป็นคอนฯ สุดท้ายตามแผนงานปีนี้นั่นคือ HIT100 และในไลน์อัพก็มีนิว-จิ๋ว ก็ไม่รอช้าปักปฏิทินเคลียร์ทุกอย่างแล้วเตรียมไปดู ขอบคุณมิตรสหายฯ เทพกดบัตร ที่ทำให้ได้บัตรราคาน่าพอใจในจุดที่ต้องการ
Grammy RS HIT100 มีธีมคือรวมร้อยเพลงฮิตแห่งชาติ ที่คุณจะร้องตามได้ทุกเพลง ไลน์อัพศิลปินมาแนวสายร้อง สายเพลงช้า (แต่ทุกคนก็มีเพลงเร็วนั่นแหละ) ตอนแรกก็กังวลเพราะสองคอนฯ ก่อนหน้านี้ความยาวระดับ 5 ชั่วโมงขึ้นไป แล้วคอนเสิร์ตเพลงช้า 5 ชั่วโมง ตรูจะไม่หลับเหรอ? ซึ่งทีมผู้จัดเขาก็คงรู้ จึงมีการดึงกราฟขึ้นลงเป็นระยะให้สนุก
คอนเสิร์ตเริ่มช่วงแรก ด้วยการเปิดตัวทีละศิลปิน ด้วยการร้องเพลงฮิตประจำตัวแต่ละคน แบบไม่ใช้เวลานานมาก มากันละคน 2 นาที ร้องไม่เต็มเพลง แล้วอย่างที่บอกว่าโฟกัสการมาดูคอนฯ นี้คือ นิว-จิ๋ว พอเพลงก่อนหน้าคือ “ว่างแล้วช่วยโทรกลับ” ของลิเดีย เราก็เฮล่วงหน้ารอเพลงถัดไปเลย ซึ่งก็คือ “คนเจ้าน้ำตา” เพลงเดบิ้ว นิว-จิ๋ว ซึ่งคนที่ตามคู่นี้มานานจะรู้ตำนาน ทั้งการรอคอยกว่าจะได้ออกอัลบั้ม และการทิ้งช่วงเวลาเมื่ออัลบั้มแรกนี้ยังไม่เปรี้ยงปร้าง
เพลงสุดท้ายของการปิดช่วงแรก เป็นเสือ ธนพล ที่ร้องเพลงในตำนานศึกสองค่ายนั่นคือ “18 ฝน” พี่เสือปิดช่วงแรกด้วยประโยคว่าคอนเสิร์ตแกรมมี่อาร์เอส มันก็ต้องเขานี่แหละ ศิลปินที่ทำงานเป็นเวลานานมาทั้งสองค่าย ที่ทักทายนำคนดูเข้าสู่คอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการ
คอนเสิร์ตเข้าสู่จังหวะที่ 2 เนื่องจากเซตศิลปินก็จะเห็นธีมและแนวแต่ละคู่ แต่ละกลุ่ม ตอนนี้ก็คือการเข้าสู่ธีมนั้น ซึ่งเริ่มด้วยธีมร็อค ซึ่งคอนเสิร์ตก็เกริ่นในช่วงนี้ว่า คุณจะได้ฟังเพลงของศิลปินอื่นด้วยนะ เมื่อพี่อู๋ ธรรณธร แปลงร่างเป็นน้าโป่งร้อง “นางแมว”
ธีมถัดไปจึงจัดเต็ม ไม่ร้องเพลงตัวเองด้วยธีมโลโซ ซึ่งก็ทำหน้าที่ปลุกคนดูได้ดีมาก ปิดช่วงเพลงเร็วด้วย พันธ์ทิพย์ ก็ถือเป็นอะไรที่ดักวัยคนฟังดี แล้วต่อกันด้วยธีม Divos ที่ได้เห็นออฟ ปองศักดิ์ กับดัง พันกรปล่อยมุกกันไม่ยั้ง
ธีมถัดมาที่รอคอย R&B (นิว-จิ๋ว , ลิเดีย) ซึ่งขนมาทั้ง “รอแล้วได้อะไร” “ฉันก็รักของฉัน” “ทำไมไม่รับสักที” และ “ไม่รักไม่ต้อง” ต้องบอกก่อนว่าคอนเสิร์ตนี้ นิว มาแบบตั้งครรภ์ 7 เดือน จึงไม่ได้เดินไปย้ายมามากเท่า จิ๋วกับลิเดีย นับถือในพลังและสปิริตเพราะไม่ได้แผ่วเลยแหละ
จากนั้นคอนเสิร์ตปรับบรรยากาศด้วยธีม โรแมนติค ให้สายหล่อเท่ มาร้องเพลงแบบเดินไปหาคนดู จากนั้นเป็นธีมเพลงในตำนานโดย แอม-เสาวลักษณ์ และแหม่ม-พัชริดา ร้องเพลงต่าง ๆจังหวะนี้จึงได้ฟังเพลงคลาสสิกเก่าตำนานแบบไม่คาดคิดเช่น “รักเธอมากกว่า” หรือ “เก็บตะวัน”
คอนเสิร์ตเข้าสู่จังหวะที่ 3 ที่คราวนี้ศิลปินทั้งหมดมา crossover กันสลับไปมา แบบที่เดาไม่ถูกแล้วว่าจากนี้
ธีมถัดมาคือ Divas มี โบ-สุนิตา กับ ปาน-ธนพร เป็นสองศิลปินยืน คอนเสิร์ตจึงเริ่มเข้าสู่ช่วงที่ 3 ที่คราวนี้ศิลปินทั้งหมดมา crossover กันสลับไปมา แบบที่เดาไม่ถูกแล้วว่าจากนี้ใครจะร้องเพลงไหน ใครจะโผล่มาแจมเช่น “สัญญาต้องเป็นสัญญา” เวอร์ชัน โบ-ปาน-อู๋
จากนั้นธีม Crossover จึงมาเต็มรูปแบบ ไม่รู้คนอื่นเก็งไหม แต่นี่ไม่เก็ง จึงเซอร์ไพรส์ที่ได้ฟัง Mission 4 Project ภาคพิเศษในคอนเสิร์ตซะอย่างนั้น ซึ่งจัดเต็มทั้งเพลงหลัก เพลงแต่ละคน เช่น “เป็นปรากฏการณ์” “อกหักมารักกับผม” รวมถึงเพลงฮิตแต่ละคนเช่น “โรคประจำตัว” ยังไงก็ขอบใจ” “ไม่อาจเปลี่ยนใจ” หรือเพลงคลาสสิกแบบ “เอาไปเลย”
เข้าสู่ช่วงท้าย ก็ยังมีเซอร์ไพรส์โดยเฉพาะ ความรักทั้งเจ็ด ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้ลั่นฮอลล์ เพราะมีออฟปองศักดิ์ และดังพันกรร่วมทีมเซเว่น จากนั้นคอมโบเพลงเร็วก็มาต่อเนื่อง ปิดท้ายด้วย Too Much Very Much เป็นอันจบคอนเสิร์ตยาว 5 ชั่วโมงกันไป
ภาพรวมคอนเสิร์ต อิ่ม สนุก แต่ก็ตามสไตล์คอนเสิร์ตรวมศิลปิน ที่ย่อมมีช่วงที่เราชอบมาก และช่วงที่เฉยจนถึงไม่ชอบ ตอนแรกก็วางแผนมาแล้วว่าจังหวะที่น่าจะลุกไปพักยืดเส้นยืดสาย แต่ vibe ของคอนเสิร์ตก็ทำได้ดีจนสุดท้ายเราไม่อยากพลาดสักช่วงไปเอง ก็น่าชื่นชม
คอนเสิร์ตปิดท้ายว่า ปีหน้า HIT100 เวอร์ชัน 2024 จะกลับมา ก็รอดูครับว่าไลน์อัพศิลปินจะเป็นอย่างไร จะดึงดูดให้เรามาไหม