Palmy มิตร Universe Concert เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ที่ปาล์มมี่กลับมาแสดงเดี่ยวที่ Impact Arena ในรอบ 12 ปี และน่าจะเป็นคอนเสิร์ตสร้างตำนานหลายอย่าง จากตอนแรกขายสองรอบ ก็เพิ่มมาจนเป็นสี่รอบ และ Sold Out ทุกรอบอย่างรวดเร็ว
ด้วยแต้มบุญของมิตรสหายฯ ทำให้ได้ไปดูรอบแรกวันเสาร์ที่ 7 กันยายน มีเรื่องหลายอย่างที่อยากบันทึกไว้หลังดูคอนเสิร์ตจบ ก็ทิ้งเวลาไว้สักหน่อยจึงมาเขียน
ปาล์มมี่เป็นศิลปินที่มีผลงานมายาวนานมากกว่า 20 ปี ผลงานเพลงแรกที่ออกมาก็เป็นกระแสทั่วบ้านทั่วเมืองคือ “อยากร้องดังดัง” ตอนนั้นปาล์มมี่เป็นนักร้องแกรมมี่ในค่ายย่อย RPG ซึ่งเป็นค่ายท็อปฟอร์มมากในเวลานั้น และเพลงนี้ก็ไม่ใช่ One Hit One Wonder เพราะอัลบั้มแรกนั้นมีเพลงดังตามมาอีกเพียบ!
ก่อนคอนเสิร์ต ปาล์มมี่เดินสายโปรโมตงานนี้ตามสื่อต่าง ๆ ซึ่งเล่าเรื่องราวพัฒนาการของเพลงแต่ละอัลบั้ม พอดูย้อนไปก็เป็นเช่นนั้น ปาล์มมี่มาตามสูตรนักร้องแกรมมี่ยุคนั้น เมื่อดังแล้วก็ไม่รอช้าต่อด้วยอัลบั้มสอง Stay ซึ่งมีทั้งเพลงเร็ว-ช้าที่ฮิต แถมได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ฮิตยุคนั้น แฟนฉัน อย่างเพลง “ความทรงจำสีจาง” อีก จากนั้นปาล์มมี่หายไปสามปี (ซึ่งตามที่เล่าก็คือเกือบไม่กลับมาร้องเพลงแล้ว) ต่อด้วยอัลบั้มใหม่ทีมใหม่ Beautiful Ride ที่มีเพลงฮิตแบบ “ความเจ็บปวด” กับ “Tick Tock”
ปาล์มมี่หายไปอีกถึงห้าปี แต่การหายไปรอบนี้ก็มาพร้อมเพลงดังอีกชุดทั้ง “คิดมาก” “Cry Cry Cry” หรือ “กา กา กา” แล้วได้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ดังตามเวลานั้นอีกครั้งคือคัฟเวอร์ “อยากหยุดเวลา” ของหนังพี่มากพระโขนง
แล้วปาล์มมี่ก็ทิ้งช่วงอีก 4-5 ปี เข้าสู่ยุคปัจจุบันที่ศิลปินมักออกทีละเพลงทีละซิงเกิ้ล ซึ่งเป็นไปตามที่ปาล์มมี่เล่าในคอนเสิร์ตนั่นแหละ “ซ่อนกลิ่น” คือเพลงที่ทำให้ปาล์มมี่ยังเป็นศิลปินที่มีเพลงใหม่ยอดนิยม ไม่ใช่ศิลปินที่วนเพลงเก่าแบบหลายคนรุ่นนั้น และองค์ประกอบนี้ก็สำคัญมากเพราะทำให้คอนเสิร์ตปาล์มมี่ ไม่เหมือนคอนเสิร์ตศิลปินรุ่น 2000 รวมเพลงเก่าขายคนรุ่นนั้น แต่เป็นคอนเสิร์ตที่ขายทุกรุ่น
ความที่ปาล์มมี่มีเพลงในหลายยุคสมัย ก็เลยทำให้คาดเดาเซตลิสต์ได้ยาก แต่เผื่อใจไว้แล้วว่าเพลงยุคแรกที่ไม่ดังมาก (ที่เรียกเพลงหน้า B) อาจจะไม่ถูกหยิบมาร้องมากนัก ขณะเดียวเพลงยุคหลังน่าจะถูกหยิบมาแสดงครบ เพื่อตอบโจทย์คนดูให้กว้างที่สุด ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น
คอนเสิร์ตเริ่มด้วยเพลงยุค Palmy 5 อย่าง “กา กา กา” และ “คิดมาก” จากนั้นอัลติด้วยเพลงอัลบั้มแรกซึ่งเพลงหน้า B ก็มาจริงๆ อย่าง “กลัว” หรือ “พื้นที่ส่วนตัว” จากนั้นพักเบรกและเป็นการปูสู่ความวาไรตี้ของคอนเสิร์ตนี้ด้วยการเล่าเรื่องผีเพื่อปูไปสู่เพลง “อยากหยุดเวลา”
คอนเสิร์ตดำเนินต่อไปจนถึง “ดวงใจ” ก็สลับโหมดอีกด้วยการแจกของรางวัลให้คนดูผู้โชคดีเรียกว่ากิจกรรมป๋ามี่สายเปย์ จากนั้นก็มาถึงเพลง “ริบบิ้นเลิฟคัลเลอร์แบล็ค” ซึ่งเดาไม่ยากเพราะแขกรับเชิญอย่าง สิงโต นำโชค ก็ปรากฏตัว แต่ไม่ได้มาหนึ่ง เพราะพากลุ่มเพื่อนอย่าง ก้อง ห้วยไร่ กับ โจ๊กโซคูล มาด้วย ทั้งหมดโชว์พลังด้วยเพลง Killing Me Softly with His Song ก่อนส่งเวทีให้สามนักร้องชายรัวเพลงเร็วต่อเนื่อง
ปาล์มมี่กลับมาอีกครั้ง โดยเพลงช่วงนี้เริ่มเป็นเพลงยุคหลังเช่น “ซังได้ซังแล้ว” “สนิทใจ” “ขวัญเอยขวัญมา” จากนั้นแจกรางวัลคนดูอีกครั้ง ซึ่งระหว่างรอผู้โชคดีมาบนเวที ก็เข้าสู่การเซอวิสด้วย “ฟ้าส่งฉันมา” ที่วนรถรอบฮอลล์ทักทายคนดู และปิดช่วงด้วย “นวด” ที่ปาล์มมี่โชว์สเต็ปแดนซ์
คอนเสิร์ตเข้าสู่ช่วงท้ายด้วยการส่งเข้าแบบไม่บอกอะไรทั้งนั้นกับ Paradox ที่เป็นแขกรับเชิญอีกราย และจบที่ปาล์มมี่มาแจมในเพลงผงาดง้ำค้ำโลก ซึ่งเป็นการย้อนรอยคอนเสิร์ต G Fest
6 เพลงสุดท้าย ก็ได้เวลาเก็บเพลงที่ต้องมาได้แล้วนั่นคือ “แม่เกี่ยว” “ทำเป็นไม่ทัก” “Ooh!” “อยากร้องดังดัง” “Tick Tock” ซึ่งรอบวันเสาร์จบที่ “ซ่อนกลิ่น” เวอร์ชันทักทายกับเบลล่า นางเอก MV ซึ่งมาดูคอนเสิร์ต และพาคนดูจากซิดนีย์มาร่วมร้องเพลง เป็นอันจบ
ถ้าพูดภาพรวมคนดูคงสนุกเพราะปาล์มมี่นำเสนอทุกอย่างแบบตื่นตา เพลงเพราะ คาดเดายาก เซอร์ไพรส์ และตลกมาก ส่วนเรื่องเพลงคิดว่าดีที่สุดบนเงื่อนไขของจำนวนเพลงและเวลา ส่วนเรื่องแขกรับเชิญนั้นอาจจะมีเวลาเยอะเพื่อให้ตามชื่อว่ามิตร Universe นั่นแหละ
เป็นการเดินทางของศิลปินจากยุค 2000 ที่น่าสนใจมากว่าจังหวะถัดไปจะเป็นอย่างไร