Britney: Piece of Me in Las Vegas

เมื่อเดือนพฤษภาคม ผมได้เดินทางไปอเมริกา โดยเมืองหลักที่ไปก็คือลาสเวกัส กล่าวกันว่ากิจกรรมของการอยู่ในเมืองนี้ ถ้าไม่เล่นพนัน ก็คือหาดูโชว์ ไล่เรียงแล้วพบว่า Britney Spears มีคอนเสิร์ตเล่นพอดี ก็จัดแจงหาตั๋วไปเรียบร้อยแล้วไปดูกัน

คอนเสิร์ตนี้ใช้ชื่อว่า Britney: Piece of Me เรียกว่าเป็นโชว์แบบ Residency คือแสดงเป็นประจำที่ฮอลล์ The Axis (ปัจจุบันชื่อ Zappos Theater) ในโรงแรม Planet Hollywood ลาสเวกัส ตั้งแต่ปี 2013 แสดงไปแล้วร่วม 200 รอบ โดยการแสดงจะสิ้นสุดปลายปีนี้ และ Setlist การแสดงนี้ก็ใช้แสดงใน Asia Tour รวมทั้งที่มาเมืองไทยด้วย

ก็ไม่รู้ว่าคนคาดหวังอะไร แต่แนวคิดเราเองก็คือหวังจะได้ฟังเพลงเก่าเป็นหลัก ได้ร่วมร้องอะไรแบบนั้น แต่ก็ได้ยินมาอยู่ว่าอย่าคาดหวังมากแบบนั้น เลยลองอ่านรีวิวคอนเสิร์ตนี้ใน Yelp (ใช่! Yelp มันมีรีวิวคอนเสิร์ตด้วย) ก็พบว่าคอมเมนต์ไม่ชมสุดๆ ก็ติกันสุดๆ เอาละ อย่าคาดหวังมาก อย่าคาดหวังมาก อย่าคาดหวังมาก ก็ท่องไว้

มีชุดที่ใช้ถ่าย MV มาโชว์ด้วย

The Axis ฮอลล์แสดงคอนเสิร์ต ขนาดกำลังพอดีๆ

การแสดงนี้เรียกว่าเป็นโชว์อาจจะดีกว่าบอกว่าเป็นคอนเสิร์ต ในการร้องนั้นบริทนี่ย์ลิปซิงก์เป็นหลัก แต่นั่นเป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วไม่ได้คาดหวัง ทุกเพลงมีการจัดโชว์ แสง สี พร็อพ อลังการมาก และพอลิปซิงก์ บริทนี่ย์ก็เลยเทรดออฟด้วยการเต้นทุกเพลง เต้นถวายชีพจริงๆ ถ้าเน้นดูโชว์อลัง การเต้นแบบทุ่มทุน คุ้มมาก อ้อ! การแสดงนี้ไม่มีการห้ามบันทึกภาพและเสียงใดๆ ฉะนั้นสามารถหาดูโชว์นี้ได้ใน YouTube มีคนอัพโหลดไว้เพียบ

โชว์เปิดด้วยเพลง Work Bitch พอเรียกการขยับของผู้ชมได้ จากนั้นก็ต่อเนื่องยาวด้วยเพลงเร็ว ทั้ง Womanizer, Break the Ice และ Piece of Me (สังเกตว่าเป็นเพลงยุคหลังทั้งนั้น) ต่อด้วย Me Against the Music เวอร์ชันไม่มีมาดอนน่า, I Love Rock ‘n’ Roll ที่มีฉากกีต้าร์ยักษ์อลังหมุนรอบ แล้วปิดด้วย Gimme More

Me Against The Music

I Love Rock ‘n’ Roll

จากนั้นเข้าสู่โหมดเพลงช้าด้วย Everytime จะเห็นว่าผ่านไป 8 เพลง ไม่มีเพลงในสองอัลบั้มแรกที่สร้างชื่อเลย (ฮา) แต่บ่นจากนั้นบริทนี่ย์ก็ต่อเนื่องสองเพลงดัง Baby One More Time และ Oops! I Did It Again แต่ก็มาในเวอร์ชันรีมิกซ์ จะร้องตามก็งงๆ ไงไม่รู้

เพลง Everytime มีสลิงติดปีก Briney บินขึ้นลงด้วย

จากนั้นการแสดงก็ดำเนินไปตามความยาว 90 นาทีเป๊ะ บริทนี่ย์มีหยุดพักคุยกับคนดูแค่สองช่วง และเป็นช่วงสั้นๆ มีการนำคนดูมาแจมหนึ่งเพลง (ลืมว่าเพลงอะไร) ปิดเพลงสุดท้ายด้วย Till the World Ends ครับ

สรุป ถ้าคาดหวังจะได้ร้องเพลงยุคมิลเลนเนียมที่บริทนี่ย์ดังในฐานะศิลปินป๊อปวัยรุ่น ต้องบอกก่อนว่าคุณจะไม่ได้ยินเพลงดังยุคนั้นอย่าง Sometimes เพลงช้าแห่งยุคอย่าง From the Bottom of My Broken Heart เพลงใสๆ แบบ Lucky เพลงช้าอีกเพลงอย่าง Don’t Let Me Be the Last to Know … เออ ที่ว่ามาเนี่ย ไม่มีซักเพลง (ฮา) เพลงที่เล่นส่วนใหญ่เป็นยุคหลังที่บริทนี่ย์มาแนวอิเล็กทรอนิกส์ป๊อปมากกว่าครับ